ขอ recap post ที่เคยแชร์ใน Facebook เก็บไว้สักหน่อย เกี่ยวกับ Mindset ในการเรียนตลอด 4 ปี ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธานานาชาติ ที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี ตอนนั้นได้ แชร์กว่า 1,900 แชร์ เลยอยากให้มันเข้ามาอยู่ใน Personal Blog ของผมด้วย
https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10203282125090445&id=1729299365
แนบภาพเกรด อาจจะไม่ได้เกรดดีที่สุด แต่ผมคิดว่าชีวิตมหาลัยผมใช้เต็มที่แล้ว
Chapter 1 : Believe ความเชื่อ
“ถ้าเชื่อว่าทำไม่ได้ มันก็ไม่ได้ตั้งแต่เริ่มแล้ว”
“ถ้าเชื่อว่าทำได้ มันจะหาวิธีมาทำให้ได้เอง”
เคยพูดอยู่เสมอ โดยเฉพาะน้องๆที่เคยติวไปแต่ละค่าย ว่า ความเชื่อคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง ทำไมถึงเชื่อว่ามันเป็นไปได้อ่ะหรอ คงเป็นตอนอยู่เมกา ที่ข้อสอบมันไม่ได้ยากมาก ก็เลยเออเว้ย มันทำได้หนิ มันก็เลยเป็นจุดเริ่มของการที่จะต้องเข้าใจ100% ในแต่ละครั้ง หรืออาจจะ150%เลย คือเพิ่มเติ่มจากที่เคยเรียน เชื่อป่ะหล่ะว่า4.00มันเป็นไปได้ A มันเป็นไปได้ เทอมแรกก็เจอคำขู่มาเยอะ ว่าเห้ยเรียนมหาลัยมันยากนะ เกรดตกแน่ๆ แต่ก็ยังเชื่ออยู่ว่ามันต้องทำได้ดิ แต่มันก็พลาดมานิดหน่อยเทอมแรก
ขอแค่เชื่ออ่ะ อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แม้โอกาส1% ก็เป็นไปได้
Chapter 2 : Target เป้าหมาย
พอมีความเชื่อละ เราต้องมีเป้าหมายเพื่อที่จะทำให้สิ่งนั้นๆเกิดขึ้นมาได้ การตั้งเป้าหมายที่ต่ำเกินไปทำให้แรงผลักดันของเราต่ำเกินไป และมากกว่าครึ่งจะไม่ถึงเป้า แต่ก็เกือบถึง เช่นตั้งเป้าหมายว่าAอาจจะหลุดมาB หรือ B+ บ้าง แต่อย่างน้อยมันก็ยังอยู่ในเกณต์ดีอยู่ กลับกัน ตั้งเป้าไว้ที่C แล้วหลุดก็ลงมาD หรือD+ เลย แต่ต้องไม่หลอกตัวเอง เพราะว่าเป้ากับความอยากได้ มันใกล้กันนิดเดียว แต่พลังขับดันไม่เหมือนกัน เช่น กุอยากได้A ละก็ทำแบบเดิม แต่เป้าหมายมันจะตั้ง ละมาคิดต่อว่ากุต้องทำอะไรบ้าง ละต้องทำมันจริงๆ เชื่อว่าAทุกคนอยากได้มันอยู่แล้ว เชื่อแล้วทำมันให้เกิดขึ้น
สิ่งที่จะทำให้มันเกิดขึ้น(milestone) คือเป้าหมายย่อยๆที่จะทำให้เป้าหมายหลักเกิดขึ้นจริงๆ ส่วนตัวคือ สำหรับการเรียน ก็จะมี ต้องเข้าใจที่เรียนมาทุกวัน หรือขี้เกียจก็ทุกเดือน ต้องเข้าใจว่าทฤษฏีนี้คืออะไรไม่ใช่จำ ฯลฯ อันนี้แต่ละคนต้องไปคิดเอง
Chapter 3 : Inspiration แรงบันดาลใจ
เป็นอีก1ปัจจัยที่จะทำให้เรามีใจอยากจะทำ เพื่อให้มันเกิดขึ้น จริงๆข้อนี้ก็ใกล้เคียงกับtargetแหละ แต่เป็นtargetที่ใหญ่มากๆ เป็นส่วนสำคัญให้เวลาเรียนรู้อะไร จะเรียนรู้150%เสมอ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักๆเลย ที่ทำให้มาถึงจุดนี้ คือ เรียนไปเพราะชอบ เรียนไปเพื่อใช้ทำงานจริง เมื่อไหร่ที่คิดว่าแบบนี้ๆทำยังไงละทำไม่ได้คือยังใช้ไม่ได้จริง ไม่ได้เรียนไปเพื่อทำข้อสอบให้ได้A เรียนให้ได้4.00 ไม่เคยเป็นความคิดหลักเลย แต่เรียนเพราะ เอออันนี้น่าจะต้องใช้ประโยชน์
Chapter 4 : Discipline วินัย
ที่เคยเซ็ตmilestoneไว้ว่าต้องเข้าใจทุกอย่างให้จบภายในวันนั้น ถ้าในห้องเรียนไม่เข้าใจก็จะกลับมาเคลียปมนั้นตั้งแต่วันที่เรียนทันที ทำให้ไม่ต้องมาอ่านหนังสือตอนก่อนสอบ เพื่อนชอบถามว่าทำไมไม่เห็นอ่านหนังสือตอนก่อนสอบ เพื่อนอ่าน แต่เราเล่นเกมเล่นกีตาร์เล่นเปียโน เพราะว่าเคลียมาตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว ช่วงสอบคือช่วงพักสมอง เตรียมตัวไปใช้หัวหนักๆในห้องสอบ ก่อนสอบก็แค่มาลับดาบที่มีอยู่แล้วให้คม พร้อมสอบ ที่คนส่วนใหญ่จะทำโจทย์กัน แต่วิธีที่เร็วที่สุดไม่ใช่ทำข้อสอบเก่า
Chapter 5 : Activity กิจกรรม
กิจกรรม ทำให้เราเห็นโลกมากขึ้น เรียนรู้คน แล้วก็ทำงานเป็น แล้วก็ทำให้เราเครียดกับการเรียนน้อยลงด้วย ถ้าเรียนๆอย่างเดียวให้ได้เกรดเท่านี้ก็คงเป็นบ้าไปแล้ว อีกอย่างคือกิจกรรมทำให้เรามีวินัยมากขึ้นด้วย เพราะมันคือการทำงานจริง จะมาเผาๆส่งเหมืองการบ้านก็ไม่ได้ ต้องทำจริงจัง เวลาทำกิจกรรม เราจะมีเวลาเหลือน้อยลงก็จริง แต่มันจะทำให้เราพยายามใช้เวลาน้อยๆนั้นให้มีประโยชน์มากที่สุด จากที่สังเกตุคือปีที่เป็นหลีดมหาลัยแล้วเวลาน้อยมาก กลับเป็นเทอมที่ได้4.00 แต่กับเทอมที่มีเวลาว่างมาก แต่กลับนอนเล่นในเวลาว่าง จนทำให้ได้เกรดน้อยกว่าที่หวัง
Chapter 6 : Trick
-การเรียนต้องเข้าใจจริงๆ ห้ามเรียนแบบจำไปสอบ จุดไหนต้องจำ ก็จำ จุดไหนควรจะเข้าใจอย่าไปจำ การเรียนที่เกลียดที่สุดเวลาเห็นเพื่อนทำคือ เจอโจทย์แบบนี้แล้วต้องทำอะไรก่อน 1 2 3 4 ใครที่เรียนแบบนี้อยู่ รีบเปลี่ยนเลย เพราะไปทำงานมันไม่มีfixed pattern แบบที่อ่านข้อสอบเก่าหรอก
-การเรียนรู้เพิ่มเติมเป็นสิ่งที่จำเป็น การเรียนมหาลัยเรามองว่า เป็นการสอนที่ไม่ได้สอนความรู้เป็นหลักหรอก แต่สอนให้เราหาความรู้เพิ่มเติมเป็น เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง จบมหาลัยไป ควรจะแก้ปัญหาสิ่งที่ไม่เคยเรียนเป็น
-การจริงจังมากเกินไปเป็นสิ่งที่ไม่ดี ควรจะเดินทางกลางๆ เมื่อไหร่ที่ตึงไป ให้ผ่อนคลายบ้าง สมองทำงานได้ไม่ดีภายได้แรงกดดัน แต่ก็ควรฝึกสมองให้ทำงานใต้แรงกดดันได้เหมือนกัน
-การติวให้เพื่อนคือการแบ่งปันความรู้ที่ทำให้ตัวเองได้กลับมามากกว่าเสมอ ดังนั้นติวซะ ถูกๆผิดๆ เดี๋ยวช่วยกันแก้
-วิธีทำข้อสอบเก่าให้เร็วคือมองละข้อไหนรู้ว่าจะไปทางไหนไม่ต้องทำ ข้อไหนไม่รู้ค่อยลองทำ ทำไม่ต้องจบข้อ ทำจนรู้ว่าเราทำได้แล้วไปข้ออื่น เพราะที่เราจะสอบไม่ใช้ข้อสอบฉบับนี้ แต่เราต้องเตรียมพร้อมรับกับแนวข้อสอบหลายแนวที่สุด แต่สิ่งที่ควรทำคือเจอโจทย์ให้เยอะในเวลาที่จำกัด เอาtextมากางเลย แล้วกวาดทีละข้อ
-พื้นฐานสำคัญมาก ใครรู้ว่าพื้นไม่แน่นกลับไปเก็บซะ ยิ่งน้องๆโยธาที่เข้ามาอ่านนะครับ กลับไปเคลีย CAL Statics Strength Fluid มาเลย ใช้ทุกตัวหลังจากนี้
There is no limit to the brain’s ability
4 ปีที่ทำมาคิดว่าคุ้มแล้ว
หลีด : Freshy E-game หลีดม.
ชมรมติว : บรรณาธิการ รองฯวิชาการ กับ ค่ายนายาวที่เผาที่สุด ค่ายอื่นอีกน่าจะ5ค่ายมั๊ง
กิจกรรมอื่นๆอีก เป็น 378ชม.ที่ไม่ลืมประเมิน
จนมาปี4 ก็รู้ว่า เรียนที่ดีที่สุดคือ เรียนเพราะรักในสิ่งที่เรียน อย่าเรียนเพราะเกรด หรือเพราะเอาไปสอบ
เกรดแต่ละปี ถามว่าไปพลาดตัวไหน อยู่ด้านล่าง
Thank you
สุดท้ายต้องขอบคุณ DAD&MOM ที่ส่งเรียนอินเตอร์ที่แพ๊งแพง
ขอบคุณอาจารย์ทุกคนที่พร่ำสอนคนหัวแข็ง เชื่อคนยากแบบผม
อาจารย์ออยที่ให้คำปรึกษาได้เสมอ
อาจารย์อภินัติ my favorite teacher
อาจารย์จุลพจน์ ที่ปูพื้นสายSให้ผมอย่างดี
อาจารย์รักติพงษ์ ที่ให้โอกาสเจอสิ่งใหม่ๆ และอาจารย์ท่านอื่นๆที่เคยสอนมา
จริงๆขาดไม่ได้เลย Parinya SN อาจารย์ที่ได้ปูพื้นฐานแคลคูลัสให้แบบexclusiveสุดๆ
ขอบคุณพี่ Kitdtin Burinkul ที่ให้โอกาสได้มาทำงานในชมรมซึ่งเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ได้เป็นผู้ให้
ขอบคุณ Kaemmarin Veeraphout ที่สอนงานบรรณาธิการ สอนวิชาการ แล้วก็ให้คำปรึกษาได้ตลอดเลย
ขอบคุณพี่ Mark Apimuk ที่เทรนจุดเริ่มต้นของการเป็นติวเตอร์ กับพี่ซ็อก
ขอบคุณเจ้ Putthamon Suwan ที่ให้คำปรึกษามาตลอด