ส่วนตัวเราเป็นคนที่คิดว่าจริงจังกับการทำงาน แต่ว่าเวลาทำงานจริงกับเพื่อนเวลาทำงานชมรมอย่างนี้ ก็จะต้องพยายามทำตัวให้เฮฮา เพราะว่าเราไม่อยากให้คนอื่นจะต้องมาเครียดกับการทำงานร่วมกับเราครับ ส่วนใหญ่เวลาว่างใช่ไหมครับ ก็จะทำเกี่ยวกับพวกเรื่องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องพวกเทคโนโลยีโปรแกรม แล้วก็ความรู้ในสายวิชาชีพครับการที่เราหาความรู้อะไรใหม่ๆเพิ่มเติม จะทำให้เรามองโลกได้กว้างขึ้นการแก้ปัญหาต่างๆเวลาเราเจอกับปัญหาเราก็จะได้วิธีการแก้ปัญหาที่แปลกๆใหม่ๆ เช่นวันที่ผมต้องทำคอนกรีตกำลังสูงที่ต้องบ่มความร้อนให้กับคอนกรีตเป็นเวลานานๆคนอื่นก็จะใช้วิธีการค่อยๆเปลี่ยนน้ำทุก 2 ชั่วโมงซึ่งตอนกลางคืนก็ต้องมาเปลี่ยนแต่ผมก็จะใช้วิธีการใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์มาเขียนเพื่อคุมอุณหภูมิของน้ำที่บ่มในคอนกรีตครับ ก็จะชอบคิดชอบทำอะไรแปลกๆเพื่อนๆก็จะมองว่าเอ้จริงๆเรื่องพวกนี้มันก็ไม่ใช่อะไรที่เด็กวิศวกรรมโยธาจะมาทำอะไรเกี่ยวกับไฟฟ้าอะไรพวกเนี้ยครับ แต่เราก็มองเห็นว่าเออถ้าเรารู้โลกที่กว้างขึ้น มันก็จะมีวิธีการแก้ปัญหาใหม่ๆเกิดขึ้น
ในสมัยมัธยมก็ยังเป็นนักเรียนชิวๆ เล่นๆ ตอนนั้นจะโฟกัสที่กิจกรรมกับเพื่อนซะมากกว่า ก็ทำทำมาหมดนะครับตั้งแต่โดดเรียนไปเล่นเกม เตะฟุตบอล เป็นหลีด เล่นดนตรี หลีดโรงเรียน หลีดกีฬาสีก็เป็นมันหมดครับ ผมกลับบ้านนี้ก็หลัง 6 โมงตลอด ไม่เคยจะกลับบ้านเร็วเลย
ผมได้มีโอกาสไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศก็เขาจะมีวิธีการเรียนการสอนแบบใหม่ๆ ซึ่งทำให้ผมแบบอยากรู้มากขึ้นเรื่อยๆแล้วก็ทำให้พยายามจะทำตัวเองให้เข้าใจแต่ละอย่างอย่างลึกซึ้งจริงๆแล้วเราก็พยายามจะไปหาความรู้ใหม่ๆ มาเพื่อลิงก์ข้อมูลเข้าหากันเวลาเรามีความรู้เนี่ยก็จะเหมือนเรามีจุดหนึ่งจุดแต่ว่าถ้าเรามีจุดเยอะความน่าจะเป็นที่เราจะเชื่อมจุดแต่ละจุดเขาด้วยกันมันจะมีหลากหลายกว่า ผมก็เลยคิดว่าเออนี่แหละเราชอบอะไร เราทำอะไรเราสนุก เราก็ทำเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นนะครับ ตอนนั้นกำลังศึกษาอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 5 ก็มีโอกาสได้ไปแลกเปลี่ยนกับโครงการ AFS ไปที่ประเทศอเมริกาครับแล้วก็ได้ไปเรียนเป็น High School ที่นั่นก็มีการไปลงวิชาเลือกต่างๆ ซึ่งตอนนั้นผมลงเป็นอาร์ตส่วนใหญ่ แล้วก็มีวิชาแคลคูลัสอะไรอย่างนี้ ซึ่งแต่ละวิชาทุกวิชาเนี่ยเขาก็จะสอนมีการเรียนการสอนแบบ Active Learning ทำให้เราเข้าใจทำให้เราสนใจในเรื่องที่เขากำลังพยายามป้อนให้เรามันจะไม่ค่อยเหมือนกับที่อยู่ที่ไทยก็คือมันจะเป็นการ Passive ก็คือการป้อนข้อมูลให้เราอย่างเดียว ซึ่งตอนนั้นก็ได้เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าเฮ้ยนี่แหละคือการที่เราเรียนแล้วมันเข้าใจแบบ 100% จริงๆซึ่งผลมันก็ออกมาดีก็คือการสอบแต่ละครั้งก็คือได้เต็มหรือเกือบเต็มมาตลอดทั้งนี้ก่อนหน้านี้ไม่เคยไม่เคยสอบได้คะแนนเยอะเป็นท็อปกี่เปอร์เซ็นต์ของชั้นเรียนเลยอะไรอย่างนี้นะครับ พอเรากลับมาที่ประเทศไทยทั้งๆที่การเรียนการสอนเป็น Passive Learning แต่ว่าเราก็พยายามที่จะเรียนมันให้เข้าใจในเนื้อหาลึกซึ้งเหมือนกับตอนที่เราอยู่อเมริกาซึ่งมันก็ประสบความสำเร็จเหมือนกันเลยครับ คือให้ผลเหมือนกันคือผมคิดว่ามันอยู่ที่ตัวเรามองมากกว่า ซึ่งแค่การศึกษาแบบ Active Learning มันจะทำให้เรา get มากขึ้นเร็วขึ้นแล้วก็ทำให้เราเห็นมุมมองว่าเออนี่แหละคือเราจะต้องเรียนให้รู้เรื่องแบบนี้นะเพื่อที่เราจะเอาไปใช้ต่อ เรื่องนี้จะต้องเอาไปใช้ต่อในอนาคตไม่ใช่การเรียนเพื่อสอบอย่างเดียวเค้าเค้าจะพยายาม Inspireเราว่าเราควรจะรู้เรื่องนี้ไปเพื่ออะไรรู้แล้วเอาไปใช้ทำอะไรได้ผมก็พยายามจะเล่าให้เพื่อนฟังว่าเออเราเราต้องไม่เรียนแบบจำเพื่อเอาไปสอบนะ เราต้องเรียนแบบเข้าใจเพราะว่าเราจะต้องใช้ในอนาคตความรู้แต่ละอย่างทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความรู้ที่อยู่ในสายวิชาชีพที่เราเรียนหรือว่าความรู้ที่เราหาเพิ่มเติมทั้งหมด มันจะถูกเอามาใช้ไม่วันใดก็วันหนึ่งในอนาคตครับ เราแค่ทำทุกวันให้สม่ำเสมอไม่ใช่ไปโฟกัสเฉพาะช่วงก่อนสอบ
ในเรื่องของการใช้ชีวิตอยู่ซึ่งผมก็เป็นคนที่ทำกิจกรรมมาก่อนหน้านี้อยู่แล้วตั้งแต่สมัยมัธยมก็เลยผ่าน Human skill ไม่ได้ทำให้ผมจะไปเรียนอย่างเดียวนะ โฟกัสกับการเรียนและยังสามารถทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นได้แบบปกติครับ ถ้าพูดถึงเป้าหมายในการเรียนนะครับก็คือตอนช่วงแรกๆเลยปี 1 ปี 2 ก็จะเราก็จะพยายามเรียนแต่ละวิชาเพื่อที่จะเอาไปใช้ตอนที่เราคิดว่าเราจะต้องเป็นวิศวกรโยธา แต่ว่าเราได้ไปทำชมรมติวซึ่งเราได้ทดลองการแบ่งปันความรู้ให้กับคนอื่นซึ่งตอนนี้ผมก็รู้สึกว่าเออเราอาจจะอยากเป็นอาจารย์นะถ้าเป็นไปได้ ก็อยากเรียนต่อเพื่อเป็นอาจารย์ครับ
สำหรับน้องๆที่อยากเรียนจากสนใจในวิชาวิศวกรรมโยธานะครับจริงๆวิศวกรรมโยธาเป็นสาขาที่กว้างมากเราเรียนหลายอย่างมากต่างกับที่ผมคิดในตอนแรกก็คือตอนแรกผมคิดว่าโยธาเนี่ยมันคือตึกกับบ้านนะจริงๆไม่ใช่แค่นั้นครับแนวทางเราสามารถทำโครงสร้างก็คือออกแบบตึกพวกนี้แล้วก็ยังมีสายน้ำสายสำรวจสายปฐพีก็คือเรียนเกี่ยวกับดินมากมายก็คือเราเรียนทั้งหมดที่จะทำให้โครงสร้างแต่ละโครงสร้างมันจะสามารถตั้งอยู่ได้อย่างปลอดภัยครับซึ่งเราจะเอาไปประกอบอาชีพอะไรได้บ้างก็เป็นวิศวกรสำรวจก็ได้เป็นวิศวกรโครงสร้างหรือว่าวิศวกรน้ำหรือว่าคำนวณเกี่ยวกับพวกฐานรากใต้ดินอะไรอย่างนี้ก็ได้หมดเลยครับ
ถ้าไม่ใช่เรื่องเรียนส่วนใหญ่ในมหาลัยเลยผมก็จะทำกิจกรรมไปทางด้านของชมรมติวก็คือผมเป็นรองประธานวิชาการวิชาการชมรมติวแล้วก็ทำผู้นำเชียร์ตั้งแต่ปี 1 มายันปี 2 ปี 3 ครับภูมิใจในผลงานอยู่อันนึงก็คือผมได้ไปเป็นประธานของค่ายค่ายนึงก็คือเราไปสอนที่โรงเรียนมัธยมพระราชทานนายาวที่ภูมิใจก็คือค่ายนั้นเป็นค่ายแรกที่เราเป็นประธานแล้วก็สามารถทำให้เพื่อนบอกว่าเออนี่ค่ายนี้มันจบไปได้ด้วยดีนะ ประสบความสำเร็จได้ไปแบ่งปันความรู้ให้กับเด็กที่อยู่ตามชายแดนอะไรอย่างนี้ครับ รางวัลรางวัลที่เคยได้ก็คือ เราได้เหรียญรางวัลพระราชทานเป็นเหรียญเรียนดีเหรียญรางวัลเรียนดีจากพระบรมโอรสาธิราชครับ
สำหรับหลักคิดที่ผมจะใช้ในการดำเนินชีวิตก็คือผมจะมองภาพใหญ่มากกว่าภาพย่อยก็คือจะมองเห็นถึงส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ที่จะได้ใน 1 คน สมมุติว่าเราอยู่ในประเทศใช่ไหมครับเราก็จะมองเห็นว่าเราต้องเรียนเพื่อที่จะไปพัฒนาประเทศนะถ้าทุกคนมองภาพใหญ่แบบนี้จะทำให้ประเทศมันมีขึ้นเยอะเลยก็คือทำให้ส่วนรวมไม่ว่าจะเป็นระดับประเทศระดับภาควิชาหรือระดับในครอบครัวของเราเนี่ยถ้าเรามองภาพอย่างเงี้ยมันจะทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นเนี่ยน้อยลงแล้วก็สังคมก็จะดีขึ้นครับ
คนดีเนี่ยมันจะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบ 2 ส่วนก็คือส่วนแรกผมคิดว่าต้องไม่เบียดเบียนคนอื่นไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนข้อที่ 2 ผมคิดว่าเราเนี่ยนอกจากจะไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนแล้วเราจะต้องแบ่งปันสิ่งดีๆอะไรก็ได้ที่เราคิดว่ามันดีอ่ะให้กับคนอื่นด้วยเพราะรวมกัน 2 ข้อมูลที่ว่านี่แหละคือเป็น 2 ปัจจัยที่ทำให้เราเรียกว่าคนนั้นเป็นคนดีครับและมองว่าความดีมีหลายรูปแบบเราสามารถทำได้จากหลายรูปแบบแต่ในรูปแบบที่กล้าทำก็คือการให้ความรู้ซึ่งเนี่ยผมมองว่ามันเป็นการให้ที่ง่ายที่สุด เพราะเราไม่ต้องเสียอะไรเลยแบ่งปันคนอื่นแบ่งปันความรู้ที่ตัวเองให้กับคนอื่นครับ
ผศ.ดร.ดวงฤดี โฆษิตกิตติวงศ์ อาจารย์ผู้สอน
กล้าเป็นคนที่นอกจากเก่งในด้านวิชาการคือเวลาเราคุยอะไรกับเขาเนี่ยเขาสามารถจะรับแล้วก็สื่อสารต่อได้อย่างรวดเร็วอ่ะค่ะ คือนอกจากที่เขาเก่งที่จะคิดต่อได้เองแล้วเขามีความเก่งที่จะสื่อสารต่อเพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆในห้องแล้วก็รู้สึกว่านอกจากเก่งและดีเนี่ยเขาอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขด้วยค่ะ ตรงนี้ก็เลยมองว่าเขาน่าจะเป็นต้นแบบที่ดีของคำว่าเก่งดีแล้วก็มีความสุขได้
อรงกรณ์ สำเนียง นักษึกษารุ่นน้อง
ก็เขามีความสามารถแปลได้ครับทางด้านการเรียนแล้วก็ได้กิจกรรมครับสามารถที่จะช่วยสอนเพื่อนได้แล้วก็แนะนำวิธีการทำหรือว่าการตรวจต่างๆอะไรอย่างนี้ให้น้องได้ครับแล้วก็ได้กิจกรรมเขาก็สามารถที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับรุ่นน้องได้
ญาณพล ฐิติกวานนท์
เขาเก่งแต่เขาพร้อมที่จะให้คนอื่นด้วยไม่ใช่เก่งเราเก็บไว้คนเดียว ความคิดเขาดีนะครับแล้วมีจิตใจที่พร้อมที่จะแชร์ให้ทุกคน